ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีและโลกโซเชียลสองอย่างนี้ทำให้คนไทยหลายคนมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง อย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ การกินอาหาร เดี๋ยวนี้ก่อนที่เราจะทานอาหารเราไม่ได้สวดคำบูชาข้าว หรือระลึกถึงคุณของพระแม่โพสพอีกแล้ว แต่เลือกที่ถ่ายรูปอาหารจานโปรดเพื่ออวดโลกโซเชียลให้อิจฉาเล่นๆกันมากกว่า ทีนี้หากอยากจะอวดจริงมันก็ต้องใช้ฝีมือถ่ายรูปกันหน่อยเพื่อให้ภาพอาหารชวนน้ำลายสอ เรามีเทคนิคง่ายมาบอกกัน
มุม 45 องศา งานดี
การถ่ายภาพอาหาร ข้อดีก็คือมันไม่ขยับหนีไปไหนได้ แต่ข้อเสียคือเราต้องจัดท่าทาง กับมุมกล้องเพื่อนำเสนอภาพอาหารออกมาให้ดีที่สุด เราขอแนะนำว่าหากจะต้องถ่าย ต้องกดมุมกล้องของภาพให้อยู่ในมุม 45 องศา มุมนี้จะทำให้เราได้ทั้งหน้าตาด้านบนของอาหาร และด้านข้างของอาหารอย่างพอดีทีเดียว หรือหากอาหารอยู่ในแก้ว ที่ปิดมิดชิด อาจจะต้องปรับมุมกล้องใหม่ให้ถ่ายมองจากมุมสูงลงมาเลย เพื่อให้ได้หน้าตาอาหารชัดเจนที่สุด
แสงธรรมชาติเท่านั้น
แสงเป็นปัจจัยสำคัญมากของการถ่ายภาพทุกอย่างหากแสงดีทุกอย่างก็จบ แต่ถ้าแสงไม่ดี ถ่ายยังไงก็ไม่สวย อาหารก็เช่นกันหากคิดจะถ่ายอาหารเราขอแนะนำว่าต้องให้โดนแสงธรรมชาติอย่างแสงแดดจะดีกว่า แสงไฟภายในร้านไม่ดีเท่าไร บางร้านอาจจะเลือกใช้ไฟสีเหลืองหากเราถ่ายรูปไปอาจจะทำให้อาหารมีสีเหลืองมากกว่าปกติ หรือบางคนมุมไม่ดีแสงไม่เข้าก็เลยใช้แฟลช บอกเลยว่า ยิ่งใช้แฟลช ยิ่งออกมาแย่ ไม่แนะนำให้ทำ
ถ่ายใกล้จะดีกว่า
แม้ว่าการถ่ายภาพจะมีแนวคิดเรื่องการจัดองค์ประกอบภาพต้องมีสเปซ ต้องมีพื้นที่อะไรก็ตาม แต่เรามองว่าภาพถ่ายอาหารสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ การถ่ายภาพแบบใกล้เลยจะดีกว่า เพราะภาพอาหารใกล้นั้น คนดูจะรู้สึกว่าเหมือนอาหารกำลังลอยมาเข้ามาปากตัวเอง ชวนให้น้ำลายหกได้แบบไม่รู้ตัว แต่การถ่ายใกล้นั้นต้องทำให้ภาพมันคมด้วย หากถ่ายใกล้แต่เบลอก็ไม่มีประโยชน์อะไร
แอ็คชั่นของอาหาร
หลังจากถ่ายภาพนิ่งของอาหารไปแล้ว เราขอแนะนำว่า ควรมีการถ่ายแอ็คชั่นของอาหารนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นหยิบ ตัก บิด คีบ จิ้ม หั่น ฯลฯ ท่วงท่าเหล่านี้ยิ่งทำให้คนดูอยากทำ อยากกินตามไปด้วย แนะนำว่าแอ็คชั่นควรให้เห็นแค่มือเท่านั้น ภาพที่ไม่แนะนำเลยก็คือ แอ็คชั่นเอาอาหารเข้าปากโดยที่เราอ้าปากจะกิน บอกเลยว่าน่ารักเฉพาะเด็กอายุไม่เกิน สองขวบ เท่านั้น เป็นผู้ใหญ่ทำบอกเลยว่าดูไม่จืด ลองไปทำกันดูล่ะกัน รับรองว่าจะได้ภาพอาหารจนคนเห็นน้ำลายสดแน่นอน